สำนักระบาดวิทยา มีรายงานตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 ถึงขณะนี้ พบเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ป่วยเป็นโรคมือเท้าปากแล้ว 46,347 คน ไข้หวัดใหญ่ 31,485 ราย ปอดบวม 75,374 ราย พ่อแม่ต้องระวังให้มากค่ะ
นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ช่วงนี้ฝนตกบ่อย มักพบเด็กเล็กป่วยด้วยโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้นได้แก่ โรคมือเท้าปาก ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม โรคท้องร่วงจากเชื้อไวรัสโรตา ดังนั้นจึงขอให้พ่อแม่ ครู พี่เลี้ยงเด็ก คัดกรองอาการผิดปกติของเด็กก่อนเข้าเรียน เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมโรค
โดยเฉพาะโรคมือ เท้า ปาก เด็กจะมีไข้ มีตุ่มแดงภายในช่องปาก ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เพื่อเป็นการป้องกันโรคพ่อแม่จึงควรดูแลรักษาความสะอาดร่างกายลูก ตัดเล็บให้สั้น ล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ โดยเฉพาะหลังการขับถ่ายและก่อนรับประทานอาหาร ใช้ช้อนกลาง และไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน หากพบว่ามีอาการของโรค ให้พาไปพบแพทย์ทันที จากนั้นให้หยุดอยู่บ้านจนอาการและแผลทุกแห่งหายเป็นปกติ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์
สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา มี 3 ชนิดคือ ชนิด เอ บี และซี ที่พบมากที่สุด คือ ไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ (H1N1) (H3N2) รองลงมาได้แก่ ชนิด บี และซี มักมีอาการทันทีทันใด มีไข้สูง ตัวร้อน ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก โดยเฉพาะที่หลัง ต้นแขน ต้นขา ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คัดจมูก มีน้ำมูกใสๆ ไอแห้งๆ
โดยในเด็กอาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ส่วนใหญ่มักไม่รุนแรง อาการจะทุเลาและหายป่วยภายใน 5 – 7 วัน โดยไม่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล ให้เด็กนอนพักผ่อนอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหาย
ส่วนโรคท้องร่วงจากเชื้อไวรัสโรตา เด็กมีอาการท้องร่วง มีไข้ อาเจียนมาก ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ โดยเฉพาะในเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปีจะมีอาการรุนแรงมาก ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล บางรายอาจมีอาการขาดน้ำรุนแรง และเกิดภาวะช็อกได้ โรคนี้ติดต่อกันโดยการกินอาหาร นม หรืออมมือ อมของเล่นที่มีเชื้อนี้
ดังนั้นจึงควรดูแลล้างมือเด็ก ล้างของเล่นบ่อย ๆ เพื่อลดการติดเชื้อ โดยขณะนี้ มีวัคซีนป้องกันโรคนี้แล้ว แต่เด็กก็ยังมีโอกาสเกิดโรคท้องร่วงจากสาเหตุอื่น ๆ หรือจากเชื้อไวรัสโรตาเอง ซึ่งอาการมักไม่รุนแรงนัก
อ้างอิงจาก