ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงสมองและประสาทออกมามากมายที่มีสรรพคุณช่วยแก้โรคสมาธิสั้นในเด็ก ซึ่งจริงๆ แล้ว อาหารเสริมเหล่านั้นไม่ได้มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคสมาธิสั้นได้ เนื่องจากยังไม่มีรายงานการวิจัยทางการแพทย์ที่ยืนยันสรรพคุณ
พญ. เบญจพร ตันตสูติ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ได้ออกมากล่าวถึงกรณีที่พ่อแม่ซื้ออาหารเสริมหวังจะช่วยรักษาโรคสมาธิสั้นของลูกในเพจ เข็นเด็กขึ้นภูเขา ว่า เนื่องจากพ่อแม่บางคนไม่อยากให้ลูกทานยา อะไรที่เขาว่าดีก็พยายามหามาให้ลูก เพราะรักและหวังดีกับลูก จึงให้ลูกลองทานอาหารเสริมก่อน แต่จริงๆ แล้ว หากมองอีกมุมหนึ่ง นั่นอาจจะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
มีกรณีที่คุณแม่ท่านหนึ่งคิดว่าลูกเป็นโรคสมาธิสั้น เพราะลูกชอบเหม่อลอยในห้องเรียนและเรียนตามเพื่อนไม่ทัน จึงไปหาซื้ออาหารเสริมที่ช่วยรักษาโรคสมาธิสั้น แต่เมื่อทานแล้วไม่หาย จึงพามาพบแพทย์ ซึ่งผลปรากฏว่า ลูกไม่ได้เป็นสมาธิสั้น เพียงแต่มีความเครียดที่เกิดขึ้นจากการเรียนและการใช้สมาร์ทโฟนที่มากเกินไป รวมถึงพักผ่อนไม่พอจนทำให้มีอาการคล้ายสมาธิสั้น
การที่เด็กมีปัญหาด้านการเรียน มีอาการเหม่อลอย ใช่ว่าจะเกิดจากสมาธิสั้นอย่างเดียว อาจจะเป็นสาเหตุอื่นๆ อย่าง แอลดี หรือภาวะอื่นๆ เช่น ความเครียดเรื่องการเรียน หรือการที่สมาธิไม่ดีอาจเกิดจาก การดูสื่อจำพวก ทีวี สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตที่มากเกินไป หรือการเลี้ยงดูที่ตามใจและขาดแรงจูงใจ
ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดคือควรพาลูกไปพบจิตแพทย์หรือกุมารแพทย์เด็กเพื่อหาสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งการไปพบแพทย์นั้นไม่ได้หมายความว่าจะได้ยามารับประทานเพียงอย่างเดียว อาจจะเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างก็สามารถทำให้ลูกมีสมาธิมากขึ้นได้
การที่ซื้ออาหารเสริมให้ลูกรับประทานหวังจะช่วยรักษาโรค อาจทำให้เด็กไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง หรือกว่าจะวินิจฉัยได้ถูกต้องก็กินเวลานาน ซึ่งจะส่งผลเสียต่อเด็ก เช่น มีแนวโน้มจะเป็นเด็กขี้โมโห หงุดหงิดง่าย และอาจมีปัญหาในการใช้ชีวิตในสังคม นอกจากนี้อาหารเสริมที่ว่าก็ยังไม่มีงานวิจัยหรือหลักฐานทางการแพทย์ที่ชัดเจนในการรักษาอาการสมาธิสั้นในเด็กได้จริง
อ้างอิงจาก
