เมื่อก่อนนี้เราอาจจะคุ้นเคยกับการพัฒนาลูกให้มี IQ ดี EQ เด่น เล่นให้สร้างสรรค์ด้วย CQ หรือพัฒนาด้วยตัว Q (Quotient) ในด้านอื่นๆ แต่ในปัจจุบันได้มีการพูดถึงกระบวนการพัฒนาสมองของลูกน้อยด้วย EF กันมากขึ้น แล้ว EF ที่ว่านี้คืออะไรกันนะ ? วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับทักษะ EF ทั้ง 9 ด้านให้มากขึ้นกันค่ะ
EF คืออะไร?
Executive Functions (EF) คือ กระบวนการทำงานของสมองส่วนหน้า ซึ่งมีความสำคัญในการควบคุมอารมณ์ ความคิด การวางแผนและการแก้ไขปัญหา ซึ่งลูกจะสามารถเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ จากความจำมาสู่การกระทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้ดีขึ้น
ช่วงวัยที่เหมาะสมจะพัฒนา EF คือ ช่วง 3 – 6 ปี เพราะหากเป็นช่วงวัยเรียน วัยรุ่น หรือวัยผู้ใหญ่ก็พัฒนาได้ แต่จะได้ไม่มากเท่ากับเด็กปฐมวัย
Executive Functions (EF)
ประกอบด้วย 9 ทักษะ ได้แก่
1. ทักษะความจำที่นำมาใช้งาน (Working Memory)

กิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
- การให้ลูกดื่มนมแม่ในช่วง 6 เดือน
- ให้ลูกทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอ
- แสดงความรักด้วยการกอด หอม พูดคุยกับลูกบ่อยๆ เพื่อให้ลูกรู้สึกอบอุ่น
- เล่านิทาน อ่านหนังสือกับลูก
- ให้ลูกเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า เพื่อให้จดจำได้ดีขึ้น
2. ทักษะการยั้งคิด (Inhibitory Control)
คือ การควบคุมอารมณ์ตนเอง รู้ว่าสิ่งใดควรทำ – ไม่ควรทำ เช่น ไม่นำของเพื่อนมาเป็นของตนเอง เป็นต้น
กิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
- ของเล่นเสริมพัฒนาการที่ต้องใช้สมาธิ ใช้สมองในการวางแผน และคิดแก้ไขปัญหา
- ส่งเสริมด้านดนตรี
- พูดคุยกับลูกบ่อยๆ หากลูกมีความกังวลใจ ให้ลูกเล่าออกมาอย่าเก็บไว้ เพื่อช่วยระบายความรู้สึก
- สอนให้ลูกรู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเอง เช่น เวลารู้สึกโมโห ให้นับตัวเลข 1-10 หรือหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ จนรู้สึกดีขึ้น ไม่หงุดหงิดโวยวาย หรือไปทำร้ายคนอื่น
3. ทักษะการยืดหยุ่นความคิด (Shift Cognitive Flexibility)
คือ ทักษะที่ช่วยให้ลูกรู้จักปรับตัว ยืดหยุ่น และรู้จักแก้ไขปัญหาได้ตามแต่ละสถานการณ์
กิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
- กิจกรรมด้านศิลปะ เช่น การวาดรูป ระบายสี การปั้น การพับ ตัด ปะ
- ฝึกให้ลูกทำของเล่นจากวัสดุเหลือใช้
- การต่อบล็อกเป็นรูปทรงต่าง ๆ
4. ทักษะการใส่ใจจดจ่อ (Focus)
เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการที่ลูกมีสมาธิ ไม่วอกแวก จะช่วยให้ลูกเรียนรู้ได้ดี
กิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
- การอ่านหนังสือ
- การฟังเพลง วาดรูป ระบายสี
- การเรียนรู้ผ่านการเล่น
- การต่อจิ๊กซอว์ / ต่อบล็อกรูปทรงต่างๆ
- การสวดมนต์ ไหว้พระก่อนนอน
5.การควบคุมอารมณ์ (Emotion Control)
ช่วยให้ลูกรู้จักควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดี ไม่โมโห หงุดหงิดง่าย
กิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
- การอ่านนิทานที่เกี่ยวกับลักษณะนิสัยที่ดี
- ให้ลูกได้เล่นร่วมกับผู้อื่น เพื่อรู้จักการแบ่งปัน อดทนรอคอย ไม่แซงคิว
- ให้ลูกช่วยงานบ้าน และช่วยเลือกเสื้อผ้าที่ไม่ใช้บริจาคสิ่งของไปให้เด็กคนอื่นๆ ที่ขาดแคลน
6. การวางแผนและการจัดการ (Planning and Organizing)
เป็นการฝึกให้ลูกรู้จักตั้งเป้าหมายและคิดวางแผนด้วยตนเอง
กิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
- สอนให้ลูกเรียนรู้เรื่องเวลา
- สอนให้ลูกรู้จักตั้งเป้าหมายง่าย ๆ เช่น เก็บออมเงินเพื่อซื้อของที่อยากได้ด้วยตนเอง
- ให้ลูกรับผิดชอบงานในบ้าน โดยให้เขาเลือกเองก็ได้ ลูกจะได้ทำอย่างมีความสุข
7. การประเมินตนเอง (Self-Monitoring)
สอนให้ลูกรู้จักประเมินตนเอง และแก้ไขปรับปรุง ข้อนี้จะสอนต่อจากเรื่องการวางแผนก็ได้ โดยทำเป็นตารางงานบ้านให้ลูกไว้ งานชิ้นไหนที่ทำแล้วก็ให้ใส่เครื่องหมายถูก ถ้างานชิ้นไหนยังไม่ได้ทำ ก็ลองถามเขาว่างานชิ้นนี้เขายังไม่ทำเพราะเหตุใด เช่น เป้าหมายนั้นยากไป จะได้ช่วยกันแก้ไขให้ดีขึ้น
8. การริเริ่มและลงมือทำ (Initiating)
เป็นการฝึกให้ลูกกล้าคิด กล้าทำอะไรใหม่ๆ
กิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
- เปิดโอกาสให้ลูกแสดงความคิดเห็น และเลือกทำในสิ่งที่ตนเองสนใจ
- เมื่อลูกวาดรูประบายสี ลองให้เขาเล่าผลงานของเขาว่าสิ่งๆ นั้นคืออะไร เขาจะเล่าด้วยความภูมิใจ
- พาลูกไปเล่นกับเด็กคนอื่นๆ บ้าง เพื่อให้มีสังคม และได้แสดงความคิดเห็นของตนเอง
9. มีความเพียรมุ่งสู่เป้าหมาย (Goal-Directed Persistence)
ช่วยให้ลูกไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคง่ายๆ จะตั้งใจทำจนกว่าจะสำเร็จ
กิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ :
- กิจกรรมด้านดนตรี กีฬา และศิลปะ
- การต่อจิ๊กซอว์ ต่อบล็อก ของเล่นไม้ เกมตึกถล่ม
- หมากฮอส หมากรุก
กิจกรรมเหล่านี้เราค่อยๆ เล่นกันไป สอนกันไป เน้นให้ลูกเรียนรู้อย่างมีความสุข ไม่กดดันจนลูกมีความเครียด และให้คำชมเป็นกำลังใจ ลูกก็จะกล้าคิด กล้าทำ และนำ EF ไปใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นแล้วล่ะค่ะ