การสร้างสักยภาพ ความสามารถของลูก ควรพัฒนาสมองทั้งสองซีกอย่างสมดุล ไม่เฉพาะเพียงด้านใดด้านหนึ่ง และวิธีที่เราสามารถทำได้เลยก็คือ การทำกิจกรรมร่วมกันกับลูก:)
ให้โอกาสลูกได้พูด
ช่วง 2-3 ขวบปีแรก คือช่วงที่ลูกจะฝึกกพูด ดังนั้น การเรียบเรียงคำพูดของเขาอาจทำได้ไม่ดีนัก เราก็ไม่ควรเร่งรัดหรือปิดกั้นโอกาส เพียงเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาสื่อสาร
- ทำความเข้าใจกับสิ่งที่ลูกสื่อสาร สรุปสิ่งเขาต้องการพูดกับเราด้วยคำสั้น ๆ เช่น “ใช่อย่างนี้หรือเปล่าลูก” เพื่อลูกจะได้เรียนรู้การพูดที่ถูกต้อง และชมลูก เพื่อสร้างความมั่นใจ ให้เขากล้าพูดกับเรา เช่น “แม่ชอบฟังหนูพูดนะ” “เสียงของหนูน่าฟังมากเลย”
- หากลูกไม่ชอบพูด เวลาพูดกับเขาใช้คำถามนำทาง เพื่อให้เขาพูดหรือเล่าให้เราฟัง เช่น หลังจากเล่านิทานเสร็จ
“ลูกชอบตัวละครตัวไหนที่สุด” “หนูลองเล่านิทานที่ฟังให้แม่ฟังบ้างได้ไหม” อย่างนี้หรือเปล่าลูก”
ชวนลูกสังเกต
สิ่งที่เขาสัมผัสกับโลกภายนอกตั้งแต่เกิด คือการฟัง การดู การดม การสัมผัส จนเมื่อเขาอายุ 3-6 ปี ลูกจะสังเกตและแยกแยะสิ่งของต่างๆ ได้ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญทางสติปัญญาและการเรียนรู้ของเด็กทุกๆ คน จึงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะชวนลูกสังเกต
- สอนลูกสังเกตให้เป็นลำดับ เช่น เวลามองดูต้นไม้ ให้เขามองจากล่างขึ้นไปหาบบน หรือจากบนลงล่าง และต่อด้วยคำถามว่า “ข้างบนมีอะไร แล้วตรงกลางล่ะมีอะไร”
- ชี้แนะลูกว่า ควรเริ่มสังเกตจากตรงไหน มีรายละเอียดเป็นอย่างไร เพื่อให้การสังเกตของเขาเป็นไปอย่างมีระบบ สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและจับประเด็น ได้แม่นยำ
เคลื่อนไหวร่างกาย ไปตามจังหวะ
กล้ามเนื้อแต่ละส่วนมีเซลล์ประสาทเชื่อมโยงไปสู่สมอง การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นให้มีความรู้สึกนึกคิดที่ว่องไวและสมบูรณ์มากขึ้น ควบคู่ไปกับสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
- ชวนลูกออกกำลังกายนอกบ้าน เช่น ขี่จักรยาน วิ่งเล่น ไปรู้จักเพื่อนๆ ทำกิจกรรมที่ดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจ
- เลือกกิจกรรมตามความสนใจของลูก ทำให้การออกกำลังกายของเขาเป็นเรื่องสนุก
สร้างการจดจำด้วยคำพูดซ้ำ ๆ
ความจำจะช่วยเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้ ยิ่งรับรู้มากเท่าใด ความจำก็ยิ่งแม่น เราจึงต้องฝึกให้ลูกฟังซ้ำ ๆ และพูดซ้ำ ๆ เพื่อกระตุ้นความจำ
- ฝึกลูกพูดคำศัพท์หรือประโยคง่าย ๆ ซ้ำ ๆ ทำเป็นประจำบ่อย ๆ จะช่วยให้ลูกจดจำได้แม่นยำขึ้น
- สมองของมนุษย์จดจำได้หลายด้าน อาจจดจำตำราเรียนไม่เก่งแต่จดจำตัวโน้ต ตัวเลขได้ดี โดยเฉพาะเมื่อเด็กแสดงความสนใจต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง สมองจะจดจำได้เที่ยงตรงและแม่นยำขึ้น
ชวนนับ สัมพันธ์กับตัวเลข
ในเด็กเล็กยังมีสมาธิไม่มากพอจะเรียนรู้เรื่องตัวเลข การบังคับหรือตำหนิจะทำให้เขารู้สึกแย่ เกิดแรงต่อต้าน จึงไม่ควรใจร้อนสอนเขา แต่ค่อย ๆ สอนผ่านเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ใช้การนับของและการเล่นเกมสร้างทัศนคติเรื่องตัวเลข
- สอนเรียนรู้เรื่องตัวเลข เรื่องจำนวน จากเรื่องราวในชีวิตประจำวันง่าย ๆ เช่น หยิบขนมให้ลูกทีละชิ้น พร้อมกับพูดไปด้วย เช่น “หนึ่งชิ้น สองชิ้น สามชิ้น” หรือเวลาเดินลงบันได ก็นับไปพร้อมกัน เป็นต้น
- เมื่อถึงวัยที่ลูกโตพอจะฝึกบวกลบแบบง่าย ๆ อาจชวนกันเล่นบทบาทสมมติ ให้เขาเป็นคนขาย (พ่อแม่เป็นลูกค้า) เก็บเงิน ทอนเงิน รับรองว่า สนุกมากกว่าการท่องจำตัวเลขแน่นอนค่ะ
ศิลปะพาเพลิน
การส่งเสริมจินตนาการที่เป็นไปตามวัย ด้วยกิจกรรมศิลปะตั้งแต่การปั้น การวาดรูประบายสี การพับการแปะ การติดหรือประดิษฐ์ประดอย จะช่วยดึงจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ออกมาใช้ และยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของครอบครัวไปด้วยค่ะ
- ทำกิจกรรมศิลปะไปกับลูก จะช่วยฝึกสมาธิและพัฒนากล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ช่วยให้ประสาทสัมผัสระหว่างมือและสายตาทำงานประสานกัน
- ลูกสามารถเรียนรู้ศิลปะได้ในทุก ๆ ที่ เช่น ไปพิพิธภัณฑ์ โรงละคร แล้วอย่าลืมต่อยอดความคิดด้วยการพูดคุยหรือตั้งคำถามไปด้วยกันกับลูกนะคะ
สัมผัสประสบการณ์ใหม่
เด็กทุกคนเกิดมาพร้อมกับความอยากรู้อยากเห็น ใช้ทุกประสาทสัมผัสรับรู้ และประสบการณ์ต่างๆ ที่เขาได้รับจะทำให้สมองดูดซับข้อมูลเอาไว้ เราจึงต้องสร้างกิจกรรม เพื่อให้เขารับรู้และเรียนรู้ได้หลากหลาย
- นำขวดแบบต่าง ๆ เช่น ขวดแก้ว ขวดไม้ ขวดพลาสติกให้เขาลองสัมผัส สังเกตว่าความแตกต่าง หรือเคาะขวดน้ำให้เขาฟังเสียง ว่าเป็นเสียงขวดแก้วหรือขวดพลาสติก เป็นต้น
- เด็ก ๆ จะหมดความสนใจที่จะทดลองหรือหาคำตอบ เมื่อรู้สึกว่าจินตนาการถูกจำกัด เราจึงต้องปล่อยให้เขาได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง มากกว่าการบอกเขาว่า “ต้องทำแบบนี้ ……”
การนอนที่มีคุณภาพ
การนอนเกี่ยวข้องกับพัฒนาการทางร่างกายและการเรียนรู้ของเด็ก ถ้าเขานอนหลับมากพอ เมื่อตื่นนอนก็จะมีกำลังมากพอเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ในตอนกลางวันได้ดี ตรงกันข้าม ถ้านอนหลับไม่ดีพอ ความรู้สึกทางอารมณ์ การตอบสนองของสมองก็จะเชื่องช้า ไม่สามารถจดจำหรือเรียนรู้อะไรได้ดีนัก
- ปล่อยให้เขาได้ใช้พลังงานอย่างเต็มที่ในช่วงเวลากลางวัน เพื่อเมื่อถึงเวลาเข้านอน เขาจะได้นอนได้ง่ายขึ้น
- ให้เขามีความคุนชินกับการเข้านอน โดยจัดสรรเวลาอย่างเหมาะสม เช่น 1 ทุ่มเล่น /2 ทุ่มอาบน้ำ และ 3 ทุ่ม ฟังนิทานเข้านอน