การไปเที่ยวถือเป็นการออกไปพักผ่อนและคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งนอกและในบ้าน อีกทั้งยังทำให้คุณแม่บ้านฟูลไทม์ได้เปิดหูเปิดตาอีกด้วยนะคะ แน่นอนว่าการยกโขยงไปเที่ยวกันทั้งครอบครัวแบบพ่อ แม่ ลูกจะต้องแตกต่างจากตอนที่ไปคนเดียวหรือไปเป็นคู่อยู่แล้ว ซึ่งการที่มีลูกไปเที่ยวด้วยทำให้เราต้องเตรียมพร้อมให้มากขึ้นกว่าเดิม ส่วนเรื่องที่ต้องเตรียมอะไรบ้างนั้น เราไปดูพร้อมกันเลยดีกว่าค่ะ
1. หาข้อมูลและวางแผนให้ดี
- ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว: หาข้อมูลว่าสถานที่ที่เราจะไปมีกิจกรรมอะไรให้ทำบ้าง เด็กสามารถเข้าได้หรือไม่ นอกจากนี้ควรเลือกสถานที่ที่คิดว่าลูกเราน่าจะชอบ เพราะลูกจะได้จดจ่อกับสถานที่นั้นๆ อย่างถ้าลูกเราชอบไดโนเสาร์ การไปพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี
- เที่ยวบินทั้งไปและกลับ: ต้องดูเวลานอนของลูก ทางที่ดีคือตีตั๋วเผื่อเวลาที่ลูกจะต้องนอนสัก 1 ชั่วโมง เพื่อให้พอดีกับการขึ้นเครื่อง พอขึ้นเครื่องปุ๊บลูกจะได้หลับเลยและไม่งอแง
- การเดินทางเมื่อถึงประเทศที่เราจะไปเที่ยว: ต้องดูเส้นทางที่เราจะไป ศึกษาเส้นทางให้ดีจะได้ไม่หลง วิธีการเดินทางที่จะใช้ มีทั้งรถส่วนตัว รถตู้ รถไฟฟ้า รถบัส หากเป็นรถบัสต้องดูเรื่องการจองตั๋วด้วย
- ที่พัก: โรงแรมที่พักตั้งอยู่ตรงไหน เดินทางสะดวกไหม ห้องนอนเป็นแบบไหนเตียงเดี่ยวหรือเตียงคู่ อาหารเช้ามีสำหรับเด็กไหม หากไม่มีอาหารเช้าให้เราต้องไปกินที่ไหนก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องหาสำรองไว้
- ตารางการท่องเที่ยว: อาจจะดูลำบากไปสักนิด แต่การวางตารางให้เป๊ะ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นเวลากินหรือเวลานอน ยิ่งถ้าลูกเป็นคนที่กินและนอนตรงเวลาจะต้องยิ่งวางแผนตรงส่วนนี้ให้ดี แต่อย่างไรก็ดีเมื่อไปเที่ยวเราก็ไม่ควรเข้มงวดกับลูกมากนัก อาจจะปล่อยให้ลูกทำสิ่งที่เขาต้องการบ้าง เช่น ได้ลองกินอาหารใหม่ๆ ได้ดูการ์ตูนมากกว่าที่เรากำหนดไว้ เพราะในเมื่อได้มาเที่ยวทั้งทีก็ควรให้เป็นช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลายอย่างแท้จริง
2. ของใช้จำเป็นของลูก
- อุปกรณ์กินข้าว: เช่น กระบอกน้ำ ขวดนม หรือแม้กระทั่งช้อน เพราะว่าช้อนตามร้านอาหารมักจะเป็นช้อนใหญ่ ซึ่งลูกจะกินลำบาก
- อาหารสำรอง: หากลูกเรากินยาก ก็ควรนำอาหารสำรองที่กินง่ายๆ ติดตัวไปด้วย อย่างขนมปังหรือนม นอกจากนี้ขนมเล็กๆ น้อยๆ อย่างเยลลี่ก็ควรพกไปเพื่อให้ลูกเคี้ยวเวลาขึ้นเครื่องบินจะสามารถแก้หูอื้อได้ค่ะ
- รถเข็นเด็ก: ต้องเป็นรถเข็นที่มีน้ำหนักเบา จะได้เคลื่อนย้ายได้ง่าย
- ของเล่นและของรักของหวง: ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าลูกถามหาแล้วเราไม่มีให้ เรื่องใหญ่บังเกิดแน่นอน ดังนั้นพกไปเถอะค่ะทั้งของเล่นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ผ้าเน่า ตุ๊กตาเน่าทั้งหลายแหล่ รวมไปถึงกระเป๋าของเล่น จะได้เอาไว้ใส่ของเล่นลูกไม่งั้นของหายแน่ๆ
3. ของใช้จำเป็นของคุณพ่อ-คุณแม่
- กระเป๋าสะพายติดตัว: ควรพกกระเป๋าใบย่อมๆ ไว้กับตัวเพื่อความสะดวกในการหยิบจับของต่างๆ ซึ่งกระเป๋าก็มีหลายแบบให้เลือกอยู่ที่ความถนัดว่าชอบแบบสะพายข้าง สะพายเฉียงหรือสะพายหลัง แต่ที่สำคัญคือต้องมีน้ำหนักเบาและคล่องตัวเวลาใช้งาน ควรมีหลายช่อง เพราะมีของจำเป็นที่ต้องพกไปเยอะ หรือจะใช้เป็นกระเป๋าห้อยคอเล็กๆ เพื่อใส่มือถือและพาสปอร์ตก็สะดวกดีค่ะ
- เป้อุ้มเด็ก: หากลูกชอบให้อุ้มตลอดเวลา การพกเป้อุ้มเด็กไปก็เป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะจะช่วยรับน้ำหนักเวลาที่เราอุ้มลูกทำให้ไม่เมื่อยมากนัก อีกทั้งยังช่วยให้เราทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างสะดวกมากขึ้น
- สายจูงเด็ก: พกเอาไว้ใช้ในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน เพื่อป้องกันการพลัดหลงและอันตรายต่างๆ
4. สุขภาพของลูกและความสะอาดของสิ่งรอบตัว
สุขภาพของลูกเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการไปเที่ยวต่างประเทศเพราะสภาพอากาศที่แตกต่างจากประเทศไทยอาจทำให้ลูกน้อยไม่สบายได้ง่าย (รวมไปถึงสุขภาพของคุณพ่อ-คุณแม่ด้วยนะคะ ต้องดูแลให้ดี อย่าให้ป่วยเชียว) นอกจากนี้เราไม่สามารถทำให้ทุกที่สะอาดตามที่เราต้องการได้ แต่สิ่งที่เราควรทำคือป้องกันลูกน้อยค่ะ โดยสิ่งที่ควรเตรียมไป ได้แก่
- ยาสามัญประจำบ้าน: ยาต่างๆ เช่น ยาแก้ไข้ ยาแก้ไอ ยาแก้แพ้ พาราเซตามอล เป็นต้น รวมไปถึงถ้าลูกมีโรคประจำตัวก็ต้องพกยาประจำตัวไปไปอย่าได้ลืมเป็นอันขาด
- น้ำเกลือและไซริงค์ล้างจมูก: เพราะที่ต่างประเทศจะขายเป็นสเปรย์ ราคาไม่ถูก จะได้ป้องกันเรื่องลูกไม่สบายได้ด้วย
- ทิชชู่เปียก: เอาไว้เช็ดทำความสะอาด อย่างเช่นเช็ดมือ เช็ดปาก ก่อนและหลังกินข้าว นอกจากนี้ใช้เวลาเข้าห้องน้ำก็สะดวกและสะอาดดี
- สเปรย์ทำความสะอาดฆ่าเชื้อแบบพกพา: ไว้ฉีดทำความสะอาดฝาชักโครกหรือสิ่งที่ลูกต้องสัมผัส ก็จะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ส่วนหนึ่งค่ะ
5. ศึกษาสภาพอากาศและ Timezone
การศึกษาสภาพอากาศของประเทศที่เราจะไปมีความสำคัญอย่างมาก เพราะเราจะได้เตรียมชุดต่างๆ ให้ลูกได้เหมาะสม สิ่งจำเป็นที่ควรพกไปเพิ่มคือร่ม เสื้อกันฝน และหมวกค่ะ นอกจากนี้เวลาที่แตกต่างจากประเทศไทย ทำให้หลังจากที่ลงจากเครื่องบินเวลาชีวิตทุกอย่างจะรวนไปหมด ทั้งเวลานอนและเวลากิน สำหรับเราคงไม่เท่าไร แต่สำหรับลูกแล้วก็ดูเป็นเรื่องที่ใหญ่พอสมควร ดังนั้นวันแรกที่ไปถึงไม่ควรออกท่องเที่ยวทันที ควรให้ทุกคนได้พักผ่อน เพื่อเก็บแรงไว้เที่ยวในวันต่อไป นอกจากนี้ยังช่วยปรับเวลาชีวิตให้เราและลูกเริ่มชินในระดับหนึ่งอีกด้วย
6. กล้องถ่ายรูปและ Pocket WiFi
ถ้าจะกล่าวว่า 2 สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญสุดๆ ก็คงไม่ผิดนัก เพราะคุณพ่อ-คุณแม่ยุค 4G อย่างเราๆ การบันทึกภาพและวิดีโอของลูกเป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันไปแล้ว เพราะลูกเราช่างน่ารักและขึ้นกล้องเสียเหลือเกิน อีกทั้งไปเที่ยวทั้งทีถ้าไม่ได้บันทึกความทรงจำไว้คงน่าเสียดาย ดังนั้นเราต้องเตรียมเมมโมรี่การ์ดและแบตเตอร์รี่ไปให้พร้อม และจงยกกล้องขึ้นมาให้พร้อมถ่ายรูปลูกอยู่เสมอ เพราะบางทีโมเม้นท์น่ารักๆ อาจจะเกิดขึ้นแบบไม่รู้ตัว ถ้าพลาดแล้วพลาดเลย ลูกจะมาโพสต์ท่าน่ารักๆ แบบเดิมให้เราไม่ได้แล้วนะ
หลังจากที่เราได้รูปลูกน้อยสุดน่ารักมาแล้ว บางทีก็อยากจะลงเฟซบุ๊กหรืออินสตาแกรมทันที ดังนั้น Pocket WiFi จึงเป็นตัวเลือกที่โด่ดเด่นมากๆ ในการใช้งานอินเทอร์เน็ต เนื่องจากคุ้มค่าและสามารถใช้งานพร้อมกันได้หลายๆ อุปกรณ์ทั้งสมาร์ทโฟน แท็ปเล็ตและโน๊ตบุ๊ก ทีนี้ก็ลงรูปได้อย่างสบายใจแล้วค่ะ
7. ประกันการเดินทาง
จริงๆ แล้วประกันการเดินทางก็ไม่ได้จำเป็นเสมอไป แต่ด้วยราคาประกันหลักร้อยซึ่งไม่แพงนัก เผื่อในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่ต่างประเทศค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในแถบยุโรป นอกจากนี้ถ้ามีเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย อย่างเที่ยวบินล่าช้าหรือกระเป๋าเดินทางหายหรือเสียหาย ก็จะได้รับค่าชดเชยบางส่วนด้วย ดังนั้นการทำประกันการเดินทางไว้ก็อุ่นใจดีนะคะ
จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าของที่ต้องเตรียมนั้นเยอะมากค่ะ เยอะประดุจย้ายบ้านกันเลยทีเดียว แต่ด้วยความที่เราไปต่างบ้านต่างเมือง ถ้าขาดอะไรขึ้นมาคงหัวหมุนกันน่าดู และถ้ามีลูกเล็กๆ ด้วยแล้ว การตระเวนหาซื้อของในสถานที่ที่เราไม่คุ้นเคยคงจะลำบากแย่ ดังนั้นเหลือดีกว่าขาด พกของไปให้พร้อมจะได้เที่ยวอย่างสบายใจค่ะ