Parents One

6 ความพร้อมที่ต้องมี เมื่อลูกอยากเลี้ยงสัตว์เลี้ยง

บางทีความโกลาหลในบ้านก็เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ด้วยการไปเดินเล่นที่ร้านต่างๆหรือดูรายการทีวีด้วยและลูกสุดที่รักหลุดคำว่า   ” น่ารักจัง!! ขอเลี้ยงได้มั้ยครับ/คะ!! ”

ใช่แล้วค่ะ เด็กๆ ของเราอยากมีสัตว์เลี้ยงในบ้าน

เมื่อคำขอมา แน่นอนว่านี่คืออุปสรรคใหญ่เลยทีเดียวของคนเป็นพ่อเป็นแม่เพราะการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงซักตัวก็ไม่ต่างอะไรกับมีสมาชิกครอบครัวเพิ่มเข้ามาในบ้านอีกคนให้ดูแลเลยใช่ไหมล่ะคะ ยิ่งคนที่อยากเลี้ยงเองก็อาจจะยังมีวุฒิภาวะ และความรับผิดชอบที่ไม่มากพอจะดูแลเอง ก็เป็นหน้าที่ของเราอีกที่จะต้องคอยช่วยเหลือเขาในการเลี้ยงดูซึ่งมันจะต้องทำให้พบเจอกับภาระหลายๆ อย่างที่ตามมาอีกมาก

แต่ทว่า ถ้าอยากลองดูซักตั้ง เพราะเราเองก็อยากลองเลี้ยงอยู่แล้วหรือตั้งใจแล้วว่า นี่อาจจะเป็นการดีที่ทำให้เด็กในบ้านได้ลองฝึกวินัยตนเองและเพิ่มความรับผิดชอบ จะให้เลี้ยงก็คงไม่เสียหาย

ถ้าคิดแบบนั้นแล้ว เราก็ต้องมาเริ่มเตรียมตัวกันเลยกับการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 6 ข้อ ไปดูกันเลยค่ะ

ความพร้อมเรื่องสุขภาพ

สิ่งแรกที่เราต้องดูก่อนคือ สุขภาพของทุกคนในครอบครัวสามารถที่จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้จริงหรือไม่ เพราะสุขภาพของทุกคนนั้นล้วนสำคัญอย่างมาก หากมีใครสักคนในบ้านแพ้ขนสัตว์หรือมีอาการหวาดกลัวต่อสัตว์บางชนิดแล้วนั้น มันก็จะส่งผลกระทบวงกว้างได้ในอนาคตหากยังดึงดันว่าอย่างไรก็จะเลี้ยง ดังนั้นเรื่องสุขภาพของผู้ร่วมเลี้ยงทุกท่านต้องมาเป็นอันดับหนึ่งในการคัดสรรว่าสมควรเริ่มมีสัตว์เลี้ยงหรือไม่ และหากได้เลี้ยงจะสามารถเลี้ยงสัตว์ประเภทไหนได้บ้าง และสิ่งที่ต้องสังเกตคือ

ความพร้อมเรื่องพื้นที่

เพราะสัตว์เลี้ยงแต่ละชนิดต้องใช้พื้นที่ในการเลี้ยงที่แตกต่างกัน การเตรียมพื้นที่ไว้ให้พร้อมนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ เพราะการที่เราจะรับสัตว์ชนิดไหนเข้ามาเลี้ยงแปลว่าเราต้องมีสถานที่รองรับอย่างดีพร้อมแล้วจึงสามารถนำมาเลี้ยงได้ เช่น

ฉะนั้นแล้ว ความพร้อมเรื่องพื้นที่จึงควรเป็นสิ่งแรกที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำความเข้าใจกับเด็กๆ ในบ้านกับการเลี้ยงสัตว์ตัวแรกของพวกเขา เพราะถ้าสามารถดูความเหมาะสมได้แล้ว ก็จะนำไปสู่ความพร้อมเรื่องอื่นๆ ถัดไปโดยมีเรื่องพื้นที่ช่วยกำหนดแนวทางในการเลี้ยงไว้ได้

ความพร้อมเรื่องค่าใช้จ่าย

การเลี้ยงสัตว์เพิ่มเข้ามาในบ้าน ก็เป็นการเพิ่มสมาชิกเข้ามาในบ้านที่สำคัญ ดังนั้น ไม่ว่าจะสัตว์เลี้ยงจะเป็นชนิดไหน, พันธุ์อะไร ล้วนแล้วแต่มีค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นซึ่งตรงนี้คุณพ่อคุณแม่อาจต้องวางแผนระยะยาวในการใช้จ่ายล่วงหน้าไว้ด้วยว่า เราสามารถแบ่งส่วนค่าใช้จ่ายในบ้านมาใช้จ่ายในส่วนนี้ได้รึเปล่า หรือหากเกิดกรณ๊ไม่คาดฝันอย่างสัตว์เลี้ยงป่วย, โดนอุบัติเหตุ จะมีเงินทุนพอในการช่วยเหลือหรือไม่

ดังนั้น การเก็บเงินเพื่อมารองรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องที่ใหญ่อันดับต้นๆ เลยในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง ผู้ปกครองควรมีทุนไว้หลักพันหรือหมื่นในการเลี้ยงดูอีกหนึ่งสมาชิกใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคตได้ซึ่งค่าใช้จ่ายที่ควรมีไว้มีดังนี้

 

ความพร้อมเรื่องเวลา

เพราะการเลี้ยงสัตว์ไม่เหมือนกันการซื้อของเข้าบ้านที่หลังจากซื้อแล้วและติดตั้งในบ้านก็จบลงเสร็จสมบูรณ์เพราะสัตว์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องได้รับการดูแลไม่ต่างอะไรกับเด็กเล็ก ยิ่งเป็นสัตว์ที่ขี้เล่น ติดคน ก็จะยิ่งต้องให้เวลาอย่างมากในการเลี้ยงดูและเล่นด้วยเพราะหากไม่ให้ความใส่ใจหรือใช้เวลาในการดูแลเขาก็อาจทำให้น้องสัตว์ที่เรารับมาเกิดสภาวะเครียด และป่วยได้ในที่สุด ดังนั้นหากลูกของเราต้องการที่จะเลี้ยงแล้ว สิ่งสำคัญมากๆ เลยคือต้องมีเวลาให้เขา และจัดแบ่งอย่างเป็นระบบเช่น

 

ความพร้อมเรื่องความรับผิดชอบของลูก

ในความพร้อมเรื่องพื้นที่และค่าใช้จ่ายนั้นหลักๆ คงต้องอยู่ในการดูแลของคุณพ่อคุณแม่อยู่แล้วแน่นอนใช่ไหมคะ ซึ่งในเรื่องเวลาเองก้สามารถแบ่งกันได้ คราวนี้ก้มาถึงความพร้อมที่ยากเกือบอันดับสุดท้ายแล้วคือความพร้อมของลูกเราในการเลี้ยง เพราะเราไม่สามารถรู้ได้อย่างรอบด้านว่าการที่เขาต้องการเลี้ยงนั้นเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ, มองว่าการมีสัตว์เลี้ยงเหมือนการมีของเล่นหรือกำลังต้องการเพื่อนเล่นในชีวิตเพิ่มจึงได้อยากเลี้ยงเพราะฉะนั้น ความพร้อมของลูกเราก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจและดูแลให้อยู่ในขอบเขตที่เราสามารถดูแลได้ ดังนั้นความพร้อมที่ลูกต้องมีนั้นคือ

 

ความพร้อมเรื่องการลาจาก

ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนอายุยืนยาวตลอดไป ในบางครั้งสัตว์เลี้ยงของเราอาจมีอายุขัยเพียง 3-5 ปี หรือถ้ามีอาการป่วยหรือโรคแทรกซ้อนอาจทำให้เขาจากไปได้โดยที่ยังใช้ชีวิตร่วมกันมาไม่ถึงปีก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นความพร้อมในส่วนนี้เป็นส่วนที่ทำใจได้ยากที่สุดทั้งตัวคุณพ่อคุณแม่และตัวเด็กเอง เพราะอย่างไรแล้วเมื่อความผูกพันเริ่มขึ้น ความเศร้าโศกเมื่อต้องสูญเสียคนที่รักก็จะตามมาเช่นกัน

ดังนั้น ทุกคนในครอบครัวต้องคิดอยู่เสมอว่า เรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความเสียใจ และโอบกอดกันไว้ให้แน่นในวันที่เกิดขึ้นจริง

 

ที่มา : today.line , mamykid , dogilike