การดูแลเรื่องความสะอาดในช่องปากของเด็กๆ ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่อย่างเราต้องหันมาใส่ใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะเด็กๆ มักจะโดนแมงกินฟัน จนทำให้เกิด “โรคฟันผุ” ขึ้นนั่นเอง โดยเฉพาะช่วงวัยแห่งการเปลี่ยนผ่านจากฟันน้ำนมเป็นฟันแท้ เด็กๆ ยิ่งต้องรู้จักการทำความสะอาดฟันและช่องปากอย่างถูกวิธี เพื่อจะได้มีรอยยิ้มที่แสนสดใส
แต่บางครั้งเรื่องที่เรามองว่าเป็นเรื่องเล็กๆ และแสนง่ายดาย อย่างเช่น การพาลูกไปแปรงฟันทุกเช้า – เย็น กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะไหนจะขอเล่นของเล่นก่อน ดูทีวีก่อน จึงทำให้เจ้าตัวเล็กผลัดการแปรงฟันไปเรื่อยๆ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่บางคนอาจมองข้าม จึงปล่อยปละละเลย มารู้ตัวอีกทีลูกก็ร้องไห้เพราะฟันผุเสียแล้ว ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ยากจะแก้ไขกันเลยทีเดียว
วันนี้ Parents One จึงขอเสนอ 5 เรื่องที่คุณแม่ชอบเข้าใจผิดเกี่ยวกับการแปรงฟันของลูกน้อย ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมเปลี่ยนความคิดใหม่ และพาลูกไปแปรงฟันกันด้วยนะ จะมีเรื่องอะไรกันบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
1.ไม่กล้าให้ลูกแปรงฟันด้วยตัวเอง
“ลูกเราฟันยังขึ้นไม่ครบ แถมยังเป็นวัยเด็กเล็กอยู่ ไม่เห็นจำเป็นต้องแปรงฟันทุกวันเลย”
“ถ้าลูกเริ่มแปรงฟันเร็ว ฟันลูกจะกร่อนเร็วรึเปล่านะ?”
“ลูกเราจะเเปรงฟันเองได้รึยังนะ?”
มีคุณพ่อคุณแม่คนไหนเคยสงสัยกับคำถามกวนใจเหล่านี้ จนไม่กล้าให้ลูกเริ่มแปรงฟันกันบ้างไหมเอ่ย?
ขอบอกตรงนี้เลยว่า ความคิดด้านบนเป็นความคิดที่ผิดนะคะคุณพ่อคุณแม่ เพราะการดูแลความสะอาดในช่องปากของวัยเด็กสามารถเริ่มดูแลได้ตั้งแต่ฟันยังไม่ขึ้นเลย โดยจะมีวิธีแปรงฟันที่แตกต่างกันออกไปตามช่วงอายุ เช่น
- เด็กแรกเกิด ถึง 6 เดือน : ให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำหมาดๆ เช็ดเหงือกและลิ้นในช่วงเช้า และก่อนนอน
- เด็กอายุ 6 – 10 เดือน : ให้คุณแม่พาลูกนอนบนตัก และแปรงถูฟันไปมา 10 ครั้งต่อซี่นับ 1 – 10 เป็นต้น
- เด็กอายุ 1.5 – 3 ขวบ : เริ่มฝึกให้ลูกคุ้นชินกับการแปรงฟันด้วยตัวเอง
การแปรงฟันเองตั้งแต่เด็ก จะทำให้เด็กได้เรียนรู้ และทำจนเป็นนิสัยเมื่อพวกเขาโตขึ้นค่ะ ที่สำคัญ คือ คุณพ่อคุณแม่ควรมีหลักการในการเลี้ยงลูกแบบ YDK (Yareba Dekiru) ซึ่งเป็นการเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่ชาวญี่ปุ่น โดยฝึกให้ลูกวัยเด็กเล็กมีความมั่นใจ กล้าที่จะทำในเรื่องต่างๆ ได้ด้วยตัวเองตามวัยของเขา
อย่าไปคิดว่าลูกเราทำไม่ได้ หากคุณพ่อคุณแม่ยังไม่ได้ลองให้เขาได้กล้าลงมือทำด้วยตัวเองค่ะ เเค่ลองเปิดใจให้ลูกได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ค่อยๆ ฝึกให้ลูกได้ปฏิบัติจริง และคอยเป็นกำลังใจเชื่อว่าลูกเราทำได้ เพียงเท่านี้ เราก็ฝึกให้ลูกสามารถพึ่งพาตัวเองได้ในอนาคต และรู้จักการช่วยเหลือตัวเองได้ตามวัยของเขาแล้ว
ไม่ว่าลูกจะเริ่มแปรงฟันช้าเป็นชั่วโมง หรือใช้เวลาแปรงนานหน่อยก็ไม่เป็นไร เพราะเมื่อเขาทำบ่อยๆ ก็จะคล่อง และสามารถแปรงฟันได้รวดเร็วขึ้น และสะอาดมากขึ้นนั่นเองค่ะ
2.”แปรงสีฟัน” ของเด็กแบบไหนก็เหมือนกันหมด
ใครบอกว่า “แปรงสีฟันเด็ก” ยี่ห้อไหนก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ!
ไม่จริงเลยค่ะคุณพ่อคุณแม่ เพราะแปรงสีฟันทุกด้ามมีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างกันไป เช่น
- ความนุ่มของขนแปรงแต่ละชนิด
- ความสามารถในการทำความสะอาดภายในซอกฟัน
- ขนาดของแปรงสีฟันที่เหมาะสมกับช่องปากของลูกในแต่ละวัย
หรือจะเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่สุขภาพปากและฟันของเด็กๆ เช่น การมีด้ามจับที่ถนัดมือ เพื่อให้เด็กแปรงฟันแล้วไม่ลื่น เพื่อประสิทธิภาพในการในการทำความสะอาดช่องปากของเด็กๆ นั่นเองค่ะ
ซึ่งหลักการในการเลือกแปรงสีฟันให้ลูกน้อย มีแค่ 3 อย่างง่ายๆ เท่านั้น นั่นก็คือ
- เลือกขนาดของแปรงสีฟันเด็กให้เหมาะกับช่องปาก และขนาดมือ ตามช่วงอายุของเด็กที่ระบุบนฉลาก
- เลือกแปรงสีฟันที่มีขนนุ่ม และปลายขนแปรงไม่มีความคม
- ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันเมื่อขนแปรงบาน หรือทุกๆ 3 เดือน
3.ทำความสะอาดเฉพาะบริเวณ “ขนแปรง” เท่านั้น
การให้ลูกแปรงฟันด้วยตัวเองเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็มีคุณพ่อคุณแม่บางคนอาจจะสอนให้ลูกล้างแปรงสีฟันเฉพาะแค่บริเวณ “ขนแปรง” เท่านั้น เพราะเข้าใจว่า แหล่งรวมเชื้อโรค และแบคทีเรียคงสะสมแค่ที่ขนแปรงที่เดียวเท่านั้น
แต่รู้หรือไม่ว่า ในความจริงแล้วแหล่งสะสมของเชื้อโรค และแบคทีเรียที่เรามองไม่เห็นกลับมีอยู่ทุกที่ในห้องน้ำ โดยเฉพาะบริเวณด้ามจับของแปรงสีฟัน ซึ่งมีเยอะแยะเต็มไปหมด
ยิ่งถ้าลูกวางแปรงสีฟันไว้ในแก้วน้ำที่ไม่มีการระบายอากาศ และมีความอับชื้นด้วยล่ะก็ เชื้อโรคและเเบคทีเรียก็ยิ่งเกิดการสะสมได้อย่างง่ายดาย จนอาจเกิดเชื้อราขึ้นที่ด้ามแปรงเลยค่ะ
เพราะฉะนั้น แปรงสีฟันที่เหมาะอาจจะไม่ต้องดูแค่เรื่องของขนแปรง แต่ด้ามจับก็สำคัญ คุณพ่อคุณแม่จึงต้องสอนให้เด็กๆ ล้างแปรงสีฟันให้ทั่วทั้งด้าม เพื่อรักษาความสะอาด และกำจัดการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียเช่นกันค่ะ
4.ฟันน้ำนมผุ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของเด็ก
คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจกำลังเข้าใจผิด เพราะคิดว่าแม้ลูกจะฟันน้ำนมผุ ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เพราะสุดท้ายแล้วฟันน้ำนมก็ต้องหลุดอยู่ดี
แต่การปล่อยให้ฟันน้ำนมของลูกผุ ไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่ เนื่องจาก อาจจะเกิดปัญหาใหญ่ตามมาได้ เช่น
ถ้าฟันน้ำนมผุก่อนเวลา อาจทำให้ฟันซี่ข้างๆ ที่กำลังงอกใหม่กลายเป็นฟันเบียดขึ้นผิดตำแหน่งได้ ซึ่งจะทำให้เด็กๆ ทำความสะอาดซอกฟันยากขึ้น และมีโอกาสเกิดฟันผุได้ง่ายนั่นเอง
นอกจากนี้ การเกิดฟันผุ ยังทำให้ลูกมีพัฒนาการในด้านการเรียนรู้ที่ลดลง มีบุคลิกที่ไม่ดี จนอาจเสียความมั่นใจได้ง่ายๆ ที่สำคัญ ลูกยังต้องทนเจ็บปวดในช่องปาก เพราะโดนแมงกินฟันเล่นงาน เผลอๆ อาจจะถึงขั้นกลัวคุณหมอเพราะอาจจะโดนถอนฟันนั่นเองค่ะ
ดังนั้น หากพบว่าลูกน้อยมีฟันผุขึ้น คุณพ่อคุณแม่ต้องรีบพาไปหาหมออย่างเร่งด่วนเลยนะคะ
5.เด็กเล็กไม่จำเป็นต้องแปรงฟันทุกวันก็ได้
อีกหนึ่งปัญหาโลกแตกที่คุณพ่อคุณแม่อย่างเราต้องปวดหัว และกลุ้มใจกันเป็นแถวๆ นั่นก็คือ การชวนลูกไปแปรงฟันเนี่ยแหละค่ะ เพราะเด็กเขาอาจจะยังไม่เข้าใจว่า เมื่อเราไม่ได้แปรงฟันทุกวัน ก็จะเกิดการสะสมของเชื้อโรค และเเบคทีเรียในช่องปากขึ้นนั่นเอง
ส่วนเจ้าตัวเล็กที่ฟันยังไม่ขึ้น คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องหมั่นใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำหมาดๆ เช็ดเหงือกและลิ้นทุกวันในช่วงเช้า และก่อนนอน ส่วนเด็กที่มีฟันขึ้นแล้ว ก็ต้องหมั่นทำความสะอาดช่องปากด้วยการแปรงฟันทุกวัน
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงมีหน้าที่ในการอธิบายให้ลูกเข้าใจเรื่อง “การแปรงฟันอย่างถูกวิธี” และพาลูกไปแปรงฟันในห้องน้ำด้วยกัน เพื่อให้เขาเกิดการเลียนแบบ และเรียนรู้ที่จะทำอะไรด้วยตัวเองอย่างอัตโนมัติขึ้นนั่นเองค่ะ
และแน่นอนว่า คุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นคนคอยชี้แนะ รวมถึงคอยให้กำลังใจ และคอยอยู่เคียงข้างทุกปัญหาของลูกเสมอ จะล้มบ้างก็ไม่เป็นไร แค่ไม่ยอมแพ้ที่จะลุกกลับขึ้นมาใหม่อีกครั้งก็พอค่ะ
KODOMO แปรงสีฟันสำหรับเด็กวัยแห่งการเริ่มเรียนรู้
การปลูกฝังให้เจ้าตัวเล็กรักการแปรงฟัน และสามารถแปรงฟันด้วยตัวเองจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะ Kodomo เขาได้ออกแปรงสีฟันสำหรับเด็กรุ่นใหม่ถึง 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่
- Kodomo Ultra Smile (สำหรับเด็กอายุ 5-9 ปี)
- Kodomo Soft and Slim (สำหรับเด็กอายุ 1.5-3 ปี, 3-6 ปี, 6-12 ปี)
ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อเด็กๆ ต่างช่วงวัย โดยมีจุดเด่นหลัก คือ ด้ามจับกระชับมือที่ออกแบบมาเพื่อลดการสัมผัสเชื้อโรค และแบคทีเรียโดยเฉพาะ ทำให้เด็กๆ สามารถแปรงฟันได้เอง และสะดวกสบายยิ่งขึ้น ไม่ลื่นหลุด ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการดูแลช่วยเหลือตัวเองได้ดีนั่นเองค่ะ
การออกแบบขนแปรงที่อ่อนนุ่มแบบพิเศษ ทำมาเพื่อตอบโจทย์ในแต่ละช่วงวัย เนื่องจากเด็กเป็นวัยที่มีพัฒนาการทางด้านร่างกายที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมถึงเหงือกที่ยังบอบบาง และต้องการการดูแลอย่างอ่อนโยน หากคุณพ่อคุณแม่ยังไม่มีแปรงสีฟันเด็กในดวงใจสำหรับลูกน้อยแล้วล่ะก็ อยากให้ลูกได้ลองใช้แปรงสีฟัน Kodomo กันค่ะ รับรองว่าจะต้องติดใจแน่นอน
จุดเด่นของแปรงสีฟัน KODOMO
Kodomo Ultra Smile (สำหรับช่วงอายุ 5-9 ปี)
- ขนแปรงนุ่มพิเศษ ไม่ระคายเคืองต่อเหงือก เพราะขนแปรงผลิตจากวัสดุ PBT (Polybutylene Terephthalate) ปลายเรียวเล็ก ชนิดนุ่มพิเศษ จึงซอกซอนได้ลึกถึงร่องเหงือก
- เพิ่มพลังทำความสะอาดฟันกรามได้อย่างนุ่มนวล เพราะมี Power Tip นวัตกรรมการปักขนแปรงจากโคโดโม
- ยางด้ามแปรง มีสาร Zinc ที่ช่วยลดการสะสมของไวรัส* และแบคทีเรียได้ยาวนาน 3 เดือน** ซึ่งครบรอบที่ควรจะเปลี่ยนแปรงสีฟันพอดี รวมถึงเป็นรุ่นที่เหมาะกับเด็กๆ วัย 5-9 ปี ที่ฟันแท้เริ่มขึ้นเป็นพิเศษ
- จับง่าย ไม่ลื่น แปรงถนัด เพราะ ด้ามแปรงทำจากวัสดุพีพี (PP) และยางสังเคราะห์ โดยออกแบบตามสรีระเด็กพร้อมปุ่มกระชับหัวแม่มือ (Thumb Lock) ที่กว้างขึ้น สัมผัสนุ่ม ด้ามแปรงมีลวดลายเหล่าฝูงสัตว์ให้เลือกสะสม
*สาร Zinc ช่วยลดการสะสมของไวรัส (Vaccinia) บริเวณยางด้ามแปรง ทดสอบในห้องปฏิบัติการ ARGENOL ประเทศสเปน (ก.พ.-มี.ค.2563)
**ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย (Total Bacteria) บนด้ามแปรงได้ยาวนาน 3 เดือน ทดสอบในห้องปฏิบัติการบริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด (พ.ย.2563-ม.ค.2564)
Kodomo Soft and Slim (สำหรับช่วงอายุ 1.5-3 ปี, 3-6 ปี, 6-12 ปี)
- ขนแปรงปลายเรียวเล็ก ซอกซอนถึงร่องเหงือก มีขนแปรง 2 สี ได้แก่ ขนแปรงใส ช่วยทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน และขนแปรงสี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำความสะอาดผิวฟัน (เฉพาะรุ่น 3-6ปี และ 6-12ปี)
- เพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาดผิวฟัน ด้วยการออกแบบขนแปรงแบบ Multi Cross
- มี 3 ขนาด ตามช่วงอายุเด็กในแต่ละช่วงวัย เพื่อความพอดีกับช่องปาก
- มียางดูดอากาศที่ท้ายด้าม ช่วยเพิ่มความสะดวกในการวางแปรงสีฟันแนวตั้งได้ ทำให้ช่วยลดการสัมผัสเชื้อโรคบนพื้นผิวที่หัวแปรง แถมยังมีลวดลายเหล่าฝูงสัตว์สุดน่ารักให้เลือกสะสมอีกด้วย
คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ ใครๆ ก็อยากฝึกลูกให้เติบโตมาด้วยความมั่นใจ และสามารถพึ่งพาตัวเองได้ ดังนั้น จึงต้องกล้าปล่อยให้ลูกได้ลองเรียนรู้ทดลองทำด้วยตัวเอง พร้อมช่วยเหลือตัวเองตามศักยภาพในวัยของเขา โดยมีความเชื่อมั่นในตัวลูกเสมอว่าพวกเขาต้องทำได้ คุณพ่อคุณแม่จึงต้องฝึกหัดลูกตั้งแต่ยังเล็ก
แต่ความจริงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเรารู้ว่าอันตรายมีอยู่รอบตัว ยิ่งเชื้อโรคร้ายในบ้านยิ่งห้ามมองข้าม เราจึงต้องเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกเสมอ จึงอยากให้คุณพ่อคุณแม่ลองเปิดใจให้ลูกได้ลองใช้นวัตกรรมใหม่ๆ จาก “แปรงสีฟันของโคโดโม” กันดูค่ะ
หากคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่สนใจ สามารถหาซื้อ แปรงสีฟัน Kodomo Ultra Smile และ Kodomo Soft and Slim ได้ที่
- ห้างสรรพสินค้า Super market ชั้นนำทั่วไป
- ช่องทาง Online ทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น