นมแม่ถือว่ามีประโยชน์ต่อลูกมากเลยก็ว่าได้ ซึ่งนอกจากนี้ยังมีข้อดีอื่นๆ ที่มีต่อคุณแม่และลูกอีกหลายข้ออีกด้วย จะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกันเลยค่ะ
ช่วยลดน้ำหนักคุณแม่
ช่วยลดน้ำหนักแม่ในระยะหลังคลอด โดยน้ำหนักจะค่อยๆ ลดประมาณ 0.6-0.8 กิโลกรัม/เดือน เนื่องจากมีการเผาผลาญไขมันที่เก็บสะสมไว้ในระยะตั้งครรภ์เพื่อใช้ในการสร้างน้ำนม ทำให้คุณแม่กลับมามีรูปร่างที่สวยงามได้เร็ว มีการศึกษาว่า การให้นมแม่ถึงอายุ 1 ปี แม่จะมีน้ำหนักใกล้เคียงกับเมื่อก่อนตั้งครรภ์ค่ะ
เกิดผื่นผ้าอ้อมน้อยกว่า
ผื่นผ้าอ้อมเกิดจากความอับชื้น และเกิดปฏิกริยาของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งกรณีที่เราเลี้ยงลูกด้วยนมวัวนั้น ของเสียของลูกจะมีเชื้อแบคทีเรียมากกว่า เมื่อมารวมกับความอับชื้น (จากการใส่ผ้าอ้อม) ผิวของลูกจะเกิดอาการ ผื่นแดงๆ (จึงเรียกว่าผื่นผ้าอ้อม) ซึ่งหากเราเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่ ของเสียของลูกจะมีเชื้อแบคทีเรียน้อยกว่ามาก โอกาสที่ลูกจะต้องทรมานกับอาการผื่นผ้าอ้อมก็จะลดลงด้วยค่ะ
ลดโอกาสภูมิแพ้ผิวหนัง
การกินนมแม่สามารถลดโอกาสภูมิแพ้ผิวหนังได้ถึง 42 % ในช่วงที่ลูกกินนมแม่อย่างเดียวนั้นจะไม่ได้รับโปรตีนจากนมวัว ซึ่งเป็นโปรตีนที่สามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของลูก และทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ ดังนั้นลูกที่กินนมแม่จึงมีอัตราการเกิดโรคภูมิแพ้น้อยกว่าค่ะ
นมแม่ปลอดภัยกับลูก
นมแม่ถือว่าเป็นสารอาหารที่ปลอดภัยต่อร่างกายลูกน้อยแบบมั่นใจได้ มากกว่านมจากสัตว์ชนิดอื่นๆ และมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อลูกแน่นอนค่ะ
พร้อมดื่มได้ตลอดเวลา
คุณสมบัติที่พิเศษที่หานมอื่นๆ ในโลกนี้ไม่ได้อีกแล้วนั้นคือ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้น คุณแม่ไม่ต้องกังวลว่านมแม่นั้นจะร้อนเกินไป หรือเย็นเกินไปสำหรับลูก เพราะนมแม่ที่ออกมาจากเต้านั้น จะมีอุณหภูมิที่พอเหมาะกับ ลูกของเราทันที ซึ่งคุณแม่ไม่ต้องกังวลว่านมนั้นจะร้อนเกินไปหรือเย็นเกินไปค่ะ
ดื่มได้สะดวกทุกที่
นมแม่เป็นแหล่งเติมพลังของลูกน้อยของคุณแม่ที่สามารถให้ลูกกินได้ตลอด 24 ชม. เมื่อไรที่ลูกหิว (ถ้ามีอุปกรณ์ให้นมที่พร้อม) คุณแม่ก็สามารถให้ลูกกินนมจากอกของเราได้ทันที แบบไม่ต้องพกขวด น้ำร้อน ฯลฯ ให้ยุ่งยาก ถือว่าสะดวกและรวดเร็วทันใจลูกที่สุดแล้วค่ะ
นมแม่ดีกับสมองลูก
นมแม่เป็นอาหารที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของสมอง และส่งเสริมพัฒนาการที่ดี ช่วยสร้างเชาว์ปัญญาได้เต็มที่ การอุ้มลูกขึ้นดูดนมแม่เป็นการกระตุ้นประสาทสัมผัสทุกส่วนของลูก ทำให้สมองได้รับสัญญาณประสาทส่งเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ สมองที่ถูกกระตุ้นบ่อยๆ เส้นประสาทจะรับสัญญาณการเรียนรู้เร็วขึ้นด้วยค่ะ
ลดความเสี่ยงกระดูกพรุน
การให้นมลูกทำให้คุณแม่นั้นลดความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน เนื่องจากมีการสร้างมวลกระดูกจะสูงมากหลังหยุดให้นมแม่ และจะยังมีผลต่อไปอีก 5-10 ปีอีกด้วยค่ะ
ลดความเสี่ยงเบาหวาน
นอกจากนี้ยังลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 อีกด้วยโดยเฉพาะคุณแม่ที่เป็น GDM ซึ่งกลไกคิดว่าเกิดจากการที่มีน้ำหนักตัวลดลง การเปลี่ยนแปลงสัดส่วน การกระจายของไขมัน และความไวต่อการตอบสนองของอินซูลินค่ะ
ไม่ทำให้ลูกอ้วนจนเกินไป
บ่อยครั้งเด็กแรกเกิดที่เห็นอ้วนจ้ำหม้ำน่ารักนั้นก็มีน้ำหนักตัวเกินมาตราฐาน สาเหตุมาจากการเลี้ยงลูกด้วยนมวัวหรือนมสังเคราะห์ชนิดอื่นๆ นั้นเอง ในขณะที่การ เลี้ยงลูกด้วยนมของคุณแม่เองนั้น ลูกของเราจะไม่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวเกินเลย น้ำหนักตัวของลูกจะเป็นไปตามมาตราฐานของเด็กในแต่ละวัยแบบธรรมชาติค่ะ
ระบบทางเดินอาหารดีขึ้น
การกินนมแม่นั้นจะทำให้ลดโอกาสโรคท้องเสียและลำไส้อักเสบน้อยกว่า 64% ในน้ำนมแม่มีสารอาหารที่ปกป้องลูกน้อยในระบบทางเดินอาหาร ประกอบด้วย
- Secretory antibodies ทำหน้าที่ดักจับสิ่งแปลกปลอม
- Oligosaccharides และ Glycoconjugates กระตุ้นการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของทารก
- Lactoferrin สามารถกำจัดเชื้อราที่เป็นอันตราย อีกทั้งยังป้องกันโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ
- Anti-inflammatory effects นมแม่มีการต่อต้านการอักเสบซี่งมีประโยชน์ต่อสำไส้ของทารก
- Prebiotic effects ในนมแม่มีน้ำตาลที่มีคุณสมบัติเป็นอาหารสำหรับการเจริญเติบโตของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ใหญ่
สานสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูก
การให้ลูกได้ดูดนมจากอกคุณแม่เองนั้น ลูกก็จะได้มองหน้าคุณแม่ของตัวเอง ซึ่งช่วงเวลาที่ให้นมลูกนั้น เป็นช่วงเวลาที่ทรงคุณค่าที่สุด เพราะแม่ลูกจะได้สบตา ได้พูดคุย ได้แสดงความรักต่อกัน ทำให้ลูกสามารถรับรู้ได้ว่าแม่ของเขารักเขามากแค่ไหน นอก จากนั้นการที่ลูกดูดนมจากอกของแม่บ่อยๆ จะทำให้ลูกจำกลิ่น เสียง หน้าตา และสัมผัสต่างๆ ของแม่ได้เร็ว ถือว่าเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย มีแต่คุณแม่ที่เคยให้ลูกดูดนมจากอกตัวเองเท่านั้นถึงจะบรรยายความรู้สึก ความสุขใจ ที่เกิดขึ้นในตัวของแม่คนนั้นได้เอง
จะเห็นได้ว่าข้อดีของการให้นมแม่นั้นมีมากกว่าที่คุณแม่คิดเสียอีก รู้แบบนี้แล้วก็ลองหันมาให้นมแม่กันเยอะๆ นะคะ ส่วนถ้าคุณไหนที่มีน้ำนมไม่เยอะก็ไม่ต้องเครียดไปค่ะ ลองปรึกษาคุณหมอ ทำอารมณ์ให้เเจ่มใส รับรองเดี๋ยวน้ำนมก็มาเพียบแน่นอนค่ะ : D
ที่มา